ทองคำและเพชรจาก พรีเมี่ยม โกลด์ เยาวราช

ทองคำของ พรีเมี่ยม โกลด์ เยาวราช เป็นทองคำมาตรฐาน 96.5% ทุกชิ้นผ่านการตรวจสอบคุณภาพ (Quality control) ที่เข้มงวดโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นทองคำเปอร์เซ็นต์สูงมาตรฐานทองคำเยาวราช ทุกชิ้นมีการยิงเลเซอร์ตราสัญลักษณ์แบรนด์ที่ได้รับการอนุญาตจากสมาคมค้าทองคำ เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าเป็นสินค้าทองคำแท้คุณภาพดี รับประกันขายคืนได้ราคาสูงสุดทุกสาขา

เครื่องประดับเพชรของ พรีเมี่ยม โกลด์ เยาวราช ประกอบชิ้นงานขึ้นด้วยเพชรแท้คุณภาพสูงที่คัดสรรมาอย่างดีทั้งความสะอาด (Clarity), น้ำ (Color), และการเจียระไน (Cut) ตามมาตรฐาน 4C ขึ้นตัวเรือนอย่างปราณีตด้วยทองคำ 18K ทุกชิ้นมีใบรับประกัน พร้อมเสริมความมั่นใจด้วยการรับประกันขายคืนราคาสูงทุกสาขาตลอดอายุสินค้า

                                                       

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

96.5%รับซื้อขายออก
ทองคำแท่ง40,250.0040,350.00
ทองรูปพรรณ39,522.1240,850.00
วันนี้ -30050
01 พฤษภาคม 2567เวลา 17:00 น.(ครั้งที่ 11)
ราคารับซื้อทอง
พรีเมี่ยมโกลด์เยาวราช วันนี้ (บาท)

ข่าวสาร

November 11, 2021
ทองฟิวเจอร์พุ่ง $18.70 เหตุวิตก SVB ล้มหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าวต่างประเทศ Monday March 13, 2023 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 1% ในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ธนาคารสหรัฐซึ่งปล่อยกู้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ณ เวลา 09.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 1% แตะที่ 1,885.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศปิดกิจการของ SVB พร้อมกับมอบหมายให้ FDIC เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB รายงานล่าสุดระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐยืนยันว่าประชาชนที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร SVB สามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มี.ค.เป็นต้นไป
อ่านเพิ่มเติม >
November 10, 2021
กังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐลุกลาม หนุนแรงซื้อทองคําปรับขึ้นต่อ
ราคาทองคํา Spot ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางวิกฤตเกี่ยวกับการสั่งปิดธนาคารของสหรัฐจะลุกลาม ด้านทองในประเทศเปิดตลาดเช้าวันจันทร์คงที่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน แรงซื้อหนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการสั่งปิดธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) หลังจากบริษัทเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทแม่ขาดทุนอย่างหนักจากการขายหลักทรัพย์ และล่าสุดวันนี้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าว คืนวันนี้ไม่มีรายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ส่วนสัปดาห์นี้มีไฮไลท์เศรษฐกิจสำคัญที่ให้ติดตามเข้มข้น ประกอบด้วย การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนก.พ. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้พิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตเดือนก.พ. รวมถึง ติดตามการเปิดเผย ยอดค้าปลีกเดือนก.พ. การอนุญาตก่อสร้างบ้าน/การเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ. ดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมี.ค. จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกนเดือนมี.ค. เป็นต้น และนอกจากนี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ประกาศราคาทองในประเทศเปิดตตลาดเช้าวันจันทร์ต้นสัปดาห์คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันเสาร์ปรับขึ้นพรวดเดียว 300 บาท แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ในขณะที่เงินบาทเช้านี้แข็งค่าสู่บริเวณ 34.55 เป็นปัจจัยกดดันชะลอการปรับขึ้นของทองคำในประเทศ ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ Spot สัญญาณทางเทคนิคมีทิศทางขาขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปยังบริเวณแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ ระยะสั้นอาจเกิดแรงเทขายบริเวณ 1,900 ดอลลาร์ดังกล่าวโดยแนะนำเข้าซื้อราคาทองคำบริเวณ 1,860 ดอลลาร์ ทั้งนี้ราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,860 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์ ตามลำดับ ในขณะที่แนวต้านแรกจะอยู่ที่บริเวณ 1,900 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,910 ดอลลาร์  
อ่านเพิ่มเติม >
October 6, 2021
ปี 2566 เทรนด์ทองคำขาขึ้น รับเศรษฐกิจโลกถดถอย
โดย “ธนรัชต์ พสวงศ์” กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาจริง ๆ ราคามันค่อย ๆ ย่อ แล้วก็ตอนที่เราพีกช่วงโควิดตอนนั้นราคาทองคำขึ้นสูงครับ แล้วคนก็มาเทขายเยอะ แต่หลังจากนั้นมามีเรื่องสงครามรัสเซียกับยูเครน ก็สุดท้ายแล้วสหรัฐอเมริกาก็ทยอยขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำก็จะถูกกดลงมา แต่ระหว่างที่ลงก็จะมีขึ้นเป็นจังหวะ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีประชุมเฟดพอขึ้นดอกเบี้ยราคาทองคำก็ย่อคนก็ซื้อ ก็เล่นรอบ และก็รู้ว่ามันจะย่ออีกก็ซื้ออีก ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ แต่พอมาถึงปลายปีนี้เริ่มเปลี่ยน ก็เหมือนกับรู้ว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยมันจะค่อย ๆ ยุติลงในปีหน้า ก็เลยเหมือนกับว่าคนก็เลยเตรียมที่จะซื้อเพื่อจะเก็งกำไรขาขึ้นในปีหน้า เพราะมองว่าเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยที่ตามมา โดยแยกปัจจัยบวกปัจจัยลบก่อนนะครับ ปัจจัยบวกเศรษฐกิจอินเดียปีนี้เติบโต 7% ก็น่าจะเป็นอานิสงส์ที่ดี เพราะอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ซื้อขายทองคำค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นดีมานด์จากอินเดียไม่น่าจะตก ส่วนประเทศจีนจะคาดหวังในเรื่องของการที่มันจะเติบโต 7% แบบสมัยก่อนคงไม่ได้ แต่ประมาณ 3-5% ปีหน้าก็ค่อนข้างที่จะเห็นภาพที่จะไปได้ และก็ ประกอบกับเรื่องของเศรษฐกิจจีนที่ปีนี้เป็น Zero-COVID ก็ปิดประเทศมาช้านาน ซึ่งจริง ๆ จีนก็กำลังพยายามปรับนโยบายในเรื่องของเศรษฐกิจและเรื่องของการฟื้นตัวของประเทศ ดังนั้น ในปีหน้าก็น่าจะได้เห็นแรงอัดฉีดที่จะช่วยเหลือภาคเอกชนและก็ในเรื่องของเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัว ก็คิดว่าจะมีดีมานด์ในฝั่งที่เป็นธุรกิจที่จิวเวลรี่และฝั่งการลงทุนจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น ฝั่งสหรัฐ ทุกคนก็คงไม่กังขาเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ย เพียงแต่มองว่าทิศทางในการยุติการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจะเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งก็ต้องดูประกอบไปกับเรื่องของเงินเฟ้อว่าจะกลับมาหลอกหลอนอีกหรือเปล่า แต่ว่าถ้าคุมเรื่องเงินเฟ้ออยู่ก็อาจจะตามมาด้วยเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยบวก โดยตรงกับราคาทองคำ ส่วนใหญ่แล้วการปรับขึ้นดอกเบี้ยเยอะ ๆ และสูงของสหรัฐ จะตามมาด้วยเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาต้องพยายามทำซอฟต์แลนดิ้งให้ดีก็คือ เหมือนกับว่าพอเศรษฐกิจเริ่มที่จะมีการถดถอยลง ก็จะต้องย้อนกลับอีกด้านหนึ่งก็เริ่มลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และดีไม่ดีอาจจะต้องมีเม็ดเงินที่ต้องเพิ่มเข้ามา เพื่อให้กระตุ้นในเรื่องของการลงทุนด้วย ก็ประมาณ 7 ครั้งที่มีเศรษฐกิจถดถอย 5 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้นค่อนข้างสูง และอีก 2 ครั้งถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นทันที แต่พอผ่านพ้นในเรื่องของเศรษฐกิจที่ไม่ดีผ่านไปมันก็ดีกลับขึ้นมา ก็ถือว่ามีปัจจัยที่จะปรับขึ้นได้เยอะ ส่วนปัจจัยลบคงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจยุโรป ในกรณีที่สหรัฐ ถ้ายังเจอปัญหาเงินเฟ้อที่ยังตามมาต่อเนื่องก็อาจจะส่งผลต่อยุโรปในเชิงที่หนักขึ้น แต่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐถ้าจะผ่านพ้นไปได้เศรษฐกิจยุโรปก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องของพลังงานที่เป็นต้นทุนที่สูงขึ้น ที่ทำให้เป็นปัจจัยลบ ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้เล็กน้อย “คิดว่าปัจจัยลบปีนี้เห็นไปเต็ม ๆ แล้วในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และก็ทิศทางที่ต้องจับตาดูกันอยู่ในปีหน้าคือเรื่องของในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ที่เรียกว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐน่าจะมีทิศทางที่ยุติลงได้  และก็มาดูเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นทองคำในปีหน้าผมคิดว่าเรื่องดอกเบี้ยอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับปีนี้แล้ว” นายธนรัชต์กล่าว ปีหน้าเราให้กรอบประมาณ 1,700-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ต้องบอกว่าหลายคนก็ถามทองคำจะขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือเปล่า ซึ่งทิศทางจริง ๆ ต้องบอกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมาที่ขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ขึ้นไปแตะแบบชั่วคราวแล้วก็ลงทันที เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าทิศทางเป็นขาขึ้นให้กรอบอยู่ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อน แล้วรอดูว่าถ้าสามารถยืนพื้นที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ดีโอกาสที่ปรับขึ้นต่ออีก 100 เหรียญไม่ใช่เรื่องยาก ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำภายในประเทศ ซึ่งในปีหน้าทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่า เพราะว่าถ้าดอลลาร์อ่อนค่าจากการที่หยุดการขึ้นดอกเบี้ย เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่ประเทศไทยกำลังเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เศรษฐกิจกลับมาเติบโตก็มีโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่า ก็ทำให้ราคาทองคำในประเทศอาจจะถูกกดดันได้เล็กน้อยเป็นช่วง แต่ว่าแรงขึ้นของ Spot ทองคำ เมื่อมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็อาจจะทำให้ราคา Spot นำในเรื่องของค่าเงินบาทได้ เพราะฉะนั้น ก็ทำให้นักลงทุนที่ถือทองคำยังถือโอกาสซื้อในจังหวะที่ถูกเพื่อไปขายในจังหวะในช่วงกำไรขึ้นไปได้ ราคาก็อยู่ประมาณ 28,000-30,500 บาทต่อบาททองคำ ทั้งนี้ คาดว่าปีหน้าสำหรับทองคำก็เป็นปีที่ดี เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วคนชอบที่เป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง เพราะว่าขาลงถึงแม้จะมีเงินเพื่อเก็บออม แต่เวลาเก็บออมไปเรื่อย ๆ ยังลงไปเรื่อย ๆ บางทีก็ถัวจนช้อนหัก หรือบางคนก็บอกว่าเก็บจนไม่รู้ต้องรอจุดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นมันใช้เวลาในการรอผลตอบแทน เรามองภาพว่ารอบนี้เป็นรอบที่ใกล้ BOTTOM มาก เพราะฉะนั้น ถ้าเก็บราคายาวจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าแตะแนวต้านที่เราให้ไว้ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อเทสต์ว่าจะขึ้นไปต่อได้ไหม ถึงจุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็แนะนำทยอยขายสักครึ่งหนึ่งทำกำไร และอีกครึ่งหนึ่งก็เก็บไว้เป็นต้นทุนที่จะไปต่อ เผื่อมีโอกาสที่จะไปได้ มือใหม่มือเก่าแนะนำเหมือนกันคือ ต้องใช้ความระมัดระวังและก็ต้องมีการศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ข่าวสารเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว และก็ปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาก็ทำให้ราคามันเกิดความตกใจได้ง่าย ทั้งนี้ ธนรัชต์ พสวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทางเราเป็นจุดที่ดีอย่างหนึ่งคือว่า จริง ๆ แล้วเรามีความพร้อมในเรื่องของการรับมือกับสถานการณ์ เพราะว่าก่อนที่โควิดจะเกิดขึ้น เราก็คุยกันว่าถ้าเกิดโควิดแล้วนักลงทุนไม่สามารถมาทำธุรกรรมที่บริษัทได้ เพราะทุกอย่างถูกชัตดาวน์ เราจะให้บริการลูกค้าต่อไปอย่างไร ก็เป็นที่มาของแอปพลิเคชั่น GOLD NOW ว่าทำให้ลูกค้ายังสามารถส่งคำสั่งซื้อขายและลงทุนได้ “จริง ๆ ก็ยังมีลูกค้าเปิดบัญชีเยอะมากหลักพันต่อวัน หลัก ๆ เราให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีพอสมควร เพราะผมคิดว่าโลกมันมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” เพราะฉะนั้น เราให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการปรับตัว ว่าอะไรที่มันเป็นเทรนด์ใหม่ หรือสิ่งที่คนต้องการ เราพยายามที่จะให้บริการให้ตรงต่อเป้าหมายและตรงเวลา คือหนึ่ง ลูกค้าเปิดบัญชีสะดวกและไม่ต้องมีหลักประกันมาวาง และไม่มีความเสี่ยงด้วย เพราะว่าเวลาที่ลูกค้ากดคำสั่งซื้อขายเราได้รับเงินลูกค้าเต็มจำนวน เราให้ทองทันที ลูกค้าขายกับเราตี 1 ตี 2 ได้เงินเข้าบัญชีวินาทีนั้นเลย เพราะฉะนั้น มันเป็นอะไรที่ผมคิดว่ายังไม่ได้ทำได้ทุกที่ ซึ่งที่ผ่านมาในเซกเมนต์นี้เราทำมาได้ดีก็เลยทำให้ผู้ใช้งานสะดวก
อ่านเพิ่มเติม >

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและการใช้งานเว็บไซต์ โปรดตรวจสอบและทำความเข้าใจ นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save